Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีปี 2022 ที่กำกับโดย David Yates ซึ่งเป็นภาคที่สามของซีรีส์ Fantastic Beasts และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 11 ในจักรวาลภาพยนตร์โลกแห่งเวทมนตร์
รูปภาพFantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore โปสเตอร์หนังเปิดในหน้าต่างใหม่
โปสเตอร์หนัง Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1932 หลายปีหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องก่อน The Crimes of Grindelwald ติดตามอัลบัส ดัมเบิลดอร์ (จู๊ด ลอว์) ผู้ซึ่งรู้จักพ่อมดมืดผู้ทรงพลัง เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ (แมดส์ มิคเคลเซ่น) กำลังเคลื่อนไหวเพื่อยึดครองโลกแห่งเวทมนตร์
รูปภาพเกลเลิร์ต กรินเดลวาลด์ใน Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore เปิดในหน้าต่างใหม่
เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ใน Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore
ดัมเบิลดอร์ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ตามลำพังได้ จึงมอบหมายให้นิวท์ สคามันเดอร์ (เอ็ดดี้ เรดเมย์น) นำทีมพ่อมด แม่มด และนักทำขนมปังมักเกิ้ลผู้กล้าหาญ เจค็อบ โควาลสกี้ (แดน โฟเกลอร์) ปฏิบัติภารกิจสุดอันตราย พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายทั้งเก่าและใหม่ และปะทะกับผู้ติดตามจำนวนมากของกรินเดลวาลด์
รูปภาพนิวท์ สคามันเดอร์ใน Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore เปิดในหน้าต่างใหม่
นิวท์ สคามันเดอร์ ใน Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ โดยชื่นชมการแสดง ภาพ และลำดับฉากแอ็คชั่น แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์โครงเรื่องที่ซับซ้อนและขาดการพัฒนาตัวละคร
นี่คือประเด็นสำคัญบางประการของภาพยนตร์เรื่องนี้:
ดัมเบิลดอร์และกรินเดลวาลด์มีสนธิสัญญาทางสายเลือดที่ป้องกันไม่ให้พวกเขาทำร้ายกันโดยตรง
ครีเดนซ์ แบร์โบน (เอซรา มิลเลอร์) ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเขาคือออเรลิอุส ดัมเบิลดอร์ น้องชายของอัลบัสที่หายไปนาน
กรินเดลวาลด์ชักใยควีนนี่ โกลด์สตีน (อลิสัน ซูดอล) ให้เข้าร่วมทีมของเขา
นิวท์และทีน่า โกลด์สตีน (แคเธอรีน วอเตอร์สตัน) จุดประกายความรักของพวกเขาอีกครั้ง
ภาพยนตร์จบลงด้วยการประลองระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวาลด์ ซึ่งทำให้ดัมเบิลดอร์เป็นผู้ชนะ
โดยรวมแล้ว Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore เป็นภาพยนตร์ที่มีภาพสวยงามน่าทึ่งพร้อมฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้น แต่กลับประสบปัญหาจากโครงเรื่องที่ซับซ้อนและตัวละครที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ยังคงเป็นนาฬิกาที่คุ้มค่าสำหรับแฟน ๆ ของ Wizarding World แต่อาจไม่ถูกใจเท่าภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในแฟรนไชส์
ภาคนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์จากทั้งหมด 5 ภาค ที่ยังคงสานต่อเรื่องราวจาก 2 ภาคแรก ทั้งความปั่นป่วนของโลกเวทมนตร์ยุคโบราณ กับสัตว์มหัศจรรย์ใน ‘Fantastic Beasts : and Where to Find Them’ (2016) และก้าวเข้าสู่สงครามแห่งพ่อมดแม่มดแบบเต็มตัวใน ‘Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald’ (2018) (ซึ่งทั้ง 2 ภาคสามารถหาดูได้ใน HBO GO นะครับ)
กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การยอมถอนตัวของนักแสดงหลักอย่างป๋า ‘จอห์นนี เดปป์’ (Johnny Depp) เจ้าของบทบาท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (a.k.a น้าหน่อย เชิญยิ้ม) ที่แพ้คดีฟ้องร้องสื่อหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ จากกรณีคดีฟ้องหย่าภรรยานั่นแหละ ผลกระทบก็คือ ป๋าเองถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ขอให้ถอนตัวพร้อมกับรับเช็กเงินค่าตกใจ และเรียกใช้งานนักแสดงดาวร้ายตัวพ่ออย่าง ‘แมดส์ มิกเกลสัน’ (Mads Mikkelsen) มารับบทพ่อมดฝั่งมืดในภาคนี้แทน
เดวิด เยตส์ (David Yates) ผู้กำกับจากทั้งสองภาคแรก (และผู้กำกับจากภาพยนตร์แฮร์รี พอตเตอร์) กลับมารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ผู้เขียนบทจากทั้ง 2 ภาค และ ‘สตีฟ โคลฟส์’ (Steve Kloves) ผู้เขียนบทแฮร์รี พอตเตอร์ทั้ง 7 ภาคมาแปะมือร่วมกันเขียนบทเป็นครั้งแรก
หลังจากที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ (Jude Law) ล่วงรู้ความลับว่า ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (Mads Mikkelsen) เริ่มระดมกองทัพเพื่อหวังยึดครองโลกเวทมนต์ตามที่ใจปรารถนา โดยที่เขาตั้งเป้าว่า เขาและกองทัพจะโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สิ้นซาก ด้วยกลเกมการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ในพิธีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดแห่งโลกเวทมนตร์ พร้อมกับการควบคุม ‘ครีเดนซ์ แบร์โบน’ (Ezra Miller) และ ‘ควีนนี โกลสตีน’ (Alison Sudol) ที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งของกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว
ดัมเบิลดอร์จึงต้องเรียกนักสัตว์วิเศษวิทยา ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ (Eddie Redmayne) นำทัพเหล่าพ่อมด แม่มดทั้ง ‘ธีซีอุส สคามันเดอร์’ (Callum Turner) พี่ชายของนิวต์ หัวหน้าสำนักงานมือปราบแห่งกระทรวงเวทมนตร์แห่งอังกฤษ ‘ยูซุฟ คามา’ (William Nadylam) ผู้ต้องการแก้แค้นที่กรินเดลวัลด์สังหารน้องสาวในกองเพลิงในภาคที่แล้ว และมักเกิลอย่าง ‘เจคอบ โควาลสกี’ (Dan Fogler) มาร่วมเผชิญหน้าภารกิจเสี่ยงตาย และไขความลับของดัมเบิลดอร์ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับกรินเดลวัลด์ รวมทั้งสัญญาเลือดที่ทั้งคู่ทำไว้ร่วมกัน ทำให้การปราบมารระดับพี่เบิ้มจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ
Leave a Reply